เว็บขนาดเล็กใช้ Joomla หรือ WordPress ดี?
สำหรับเว็บขนาดเล็ก เช่น เว็บ Portfolio เว็บส่วนตัว เว็บหน่วยงานย่อยของราชการ เว็บโรงเรียน เว็บ อบต. ต่างๆ เป็นต้น การเลือกระหว่าง Joomla และ WordPress ถือเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่สำคัญที่สุด เพราะทั้งสองคือระบบจัดการเนื้อหา (CMS) แบบ Open-Source ที่ทรงพลัง แต่ก็มีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับความต้องการจึงเป็นสิ่งจำเป็น บทความนี้จะเปรียบเทียบทั้งสองแพลตฟอร์มในประเด็นสำคัญ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
1. ความง่ายในการใช้งาน (Ease of Use)
- WordPress: ด้วยหน้าตาที่เรียบง่ายและเป็นมิตรกับผู้เริ่มต้นอย่างมาก (Beginner-Friendly) การติดตั้ง การสร้างหน้า หรือการเขียนบทความเป็นเรื่องง่ายและใช้เวลาไม่นาน ทำให้ WordPress เหมาะสำหรับบล็อกเกอร์หรือเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย ไม่ต้องใช้ความรู้ด้านเทคนิคมากนัก
- Joomla: มีความซับซ้อนกว่าพอสมควร ด้วยแผงควบคุม (Dashboard) ที่มีฟังก์ชันหลากหลายและต้องใช้เวลาทำความเข้าใจมากกว่า ทำให้ Joomla มี Learning Curve ที่สูงกว่า แต่ความซับซ้อนนี้ก็มาพร้อมกับความยืดหยุ่นที่มากกว่าเช่นกัน
2. ความยืดหยุ่นและฟังก์ชันการทำงาน (Flexibility & Functionality)
- WordPress: มีปลั๊กอิน (Plugins) และธีม (Themes) ให้เลือกใช้งานมากมาย (มากกว่า 70,000 ปลั๊กอิน และนับหมื่นธีม) ทำให้สามารถเพิ่มฟังก์ชันหรือปรับเปลี่ยนดีไซน์ได้แทบจะทุกรูปแบบ แต่นั่นก็ทำให้คุณต้องพึ่งพาปลั๊กอินจากภายนอก ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาความเข้ากันได้ (Compatibility) หรือความปลอดภัยในภายหลัง
- Joomla: มีความยืดหยุ่นสูงจากโครงสร้างภายในที่ออกแบบมาเพื่อจัดการเนื้อหาและสิทธิ์ผู้ใช้ที่ซับซ้อนกว่า โดยมี Extensions ให้เลือกใช้ แม้จะมีจำนวนน้อยกว่า WordPress แต่ส่วนใหญ่จะมีความเสถียรและได้รับการสนับสนุนที่ดีกว่า เพราะถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่เฉพาะเจาะจงมากกว่า
3. ระบบจัดการผู้ใช้ (User Management)
- WordPress: มีระบบจัดการสิทธิ์ผู้ใช้พื้นฐาน เช่น ผู้ดูแล (Administrator), ผู้เขียน (Author) หรือสมาชิก (Subscriber) ซึ่งเพียงพอสำหรับเว็บไซต์ทั่วไป
- Joomla: มีระบบ ACL (Access Control Level) ที่เหนือกว่ามาก ทำให้คุณสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงเนื้อหาแต่ละส่วนให้กับผู้ใช้แต่ละกลุ่มได้อย่างละเอียด ซึ่งเหมาะสำหรับเว็บไซต์องค์กร, เว็บไซต์ที่มีสมาชิก หรือเว็บไซต์ที่ต้องการความปลอดภัยสูง
4. ความปลอดภัย (Security)
- WordPress: ด้วยความที่เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุด ทำให้ตกเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์บ่อยครั้ง ความปลอดภัยของเว็บไซต์จึงขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ปลั๊กอินและธีมที่น่าเชื่อถือ และต้องหมั่นอัปเดตระบบอยู่เสมอ
- Joomla: มีชื่อเสียงด้านความปลอดภัยในระดับองค์กรมากกว่า ด้วยโครงสร้างภายในที่แข็งแกร่งและมีฟังก์ชันด้านความปลอดภัยในตัวมากกว่า WordPress แม้จะมีช่องโหว่บ้าง แต่ก็มักจะได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วจากทีมพัฒนา
สรุป: ใครเหมาะกับอะไร?
- เลือก WordPress หาก: คุณเป็นมือใหม่ ต้องการสร้างเว็บไซต์ส่วนตัว, บล็อก, หรือเว็บไซต์ธุรกิจขนาดเล็กที่เน้นความง่ายและรวดเร็ว
- เลือก Joomla หาก: คุณเป็นนักพัฒนา หรือต้องการสร้างเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างซับซ้อน, ระบบจัดการสมาชิกที่ละเอียดอ่อน หรือต้องการเว็บไซต์ที่มีความปลอดภัยสูงในระดับองค์กร
ตารางเปรียบเทียบระหว่าง Joomla และ WordPress
ประเด็นการเปรียบเทียบ |
WordPress |
Joomla |
ความง่ายในการใช้งาน |
ง่าย เป็นมิตรกับมือใหม่ |
ง่าย ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจมากกว่า |
ความยืดหยุ่น |
สูง มี Plugins และ Themes จำนวนมหาศาลให้เลือกใช้งาน |
สูงมาก มีโครงสร้างภายในที่ยืดหยุ่นกว่าและมีระบบ Extensions ที่ดี |
ระบบจัดการผู้ใช้ |
พื้นฐาน เหมาะสำหรับเว็บไซต์ทั่วไป |
ยอดเยี่ยม มีระบบ ACL ที่สามารถกำหนดสิทธิ์ผู้ใช้ได้อย่างละเอียด |
ความปลอดภัย |
ต้องพึ่งพา Plug-in และการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ |
ดีเยี่ยม มีความปลอดภัยในระดับองค์กร และมีฟังก์ชันในตัวที่แข็งแกร่ง |
ประเภทที่เหมาะสม |
บล็อก, เว็บไซต์ส่วนตัว, ธุรกิจขนาดเล็ก, ร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็ก |
เว็บไซต์องค์กร, เว็บไซต์ขนาดใหญ่, เว็บไซต์ที่มีสมาชิก, เว็บไซต์ที่ซับซ้อน |
การสนับสนุน |
ชุมชนใหญ่ที่สุด มีแหล่งข้อมูล, วิดีโอสอน และผู้เชี่ยวชาญมากมาย |
ชุมชนขนาดกลาง มีเอกสารและฟอรั่มที่ค่อนข้างดี |
==
จากข้อเปรียบเทียบด้านบน เป็นข้อพิจารณาสำหรับการทำเว็บไซต์ด้วยตนเอง แต่หากคุณต้องการมองหาบริษัทฯ ที่ช่วยพัฒนาเว็บไซต์ให้ตรงตามความต้องการของคุณ สามารถติดต่อเราได้เลย โดยกรอกข้อมูลเบื้องต้นลงในหน้าติดต่อเรา https://colorpack.co.th/contact-us.html เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ ไม่ว่าจะเป็น WordPress หรือ Joomla บริษัทฯ สามารถพัฒนาได้ตามที่คุณต้องการ
สอบถามเพิ่มเติมโทร 086 407 6956